หากท่านเป็นคนนึงที่ถอยรถมือสองออกมา แน่นอนว่ารถมือสองก็คือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อะไหล่บางอย่างก็อาจมีระยะการใช้งานที่ยาวนานแต่อะไหล่บางอย่างก็อาจต้องหมั่นตรวจสอบหมั่นดูแลอยู่เสมอ และเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีของรถคุณเอง วันนี้ ชูเกียรติ รถบ้าน จะมาแนะนำการดูแลรักษารถยนต์ของท่านให้พร้อมใช้งาน และสามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
1. เช็กระดับน้ำมันเครื่อง
สิ่งที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆ ในเรื่องของการดูแลรถ ก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ที่จะคอยทำหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยระบายความร้อนให้กับเครื่อง ปกป้องชิ้นส่วนภายในของเครื่องยนต์รวมถึงชำระล้างสิ่งสกปรก เราสามารถหมั่นตรวจเช็กระดับของน้ำมันเครื่องด้วยตัวเองโดยใช้อุปกรณ์แค่เพียงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องเท่านั้น เราควรเช็กระดับของน้ำมันเครื่องหลังจากที่ดับเครื่องยนต์ประมาณ 10 นาที ดูน้ำมันเครื่องให้อยู่ในระดับระหว่างตัวอักษร F และ L ก็แปลว่าน้ำมันเครื่องของคุณอยู่ที่ระดับปกติอยู่
การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องควรที่จะเปลี่ยนทุก ๆ 8,000 กิโลเมตร ไม่เกิน 10,000 กิโลเมตรหรือทำการเปลี่ยนทุก ๆ 4 เดือน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แต่ละรูปแบบ
2. ดูแลปอดของรถสักหน่อย
ปอดของรถยนต์ก็คือไส้กรองอากาศ ไส้กรองอากาศเปรียบเสมือนกับปอดของรถ เพราะช่วยดักฝุ่นละอองต่างๆ เข้าไปในเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าไส้กรองอากาศตันหรือมีปัญหา อาจทำให้เครื่องยนต์ของคุณกำลังตกหรือเครื่องยนต์สั่น นอกจากนี้ยังเป็นผลให้ควันเสียมีไอดำได้
ไส้กรองอากาศรถยนต์มีหลายประเภท โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นไส้กรองอากาศแบบแห้ง หรือแบบกระดาษที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ถึง 0.001-1 ไมครอน แต่แลกมากับอายุการใช้งานที่สั้น ที่ควรเปลี่ยนทุกๆ 20,000-40,000 กม. หรือเราจะนำออกมาทำความสะอาดทุก 5,000 ก.ม ก็ดี เพื่อช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องยนต์ได้ ฉะนั้นเราสามารถยืดอายุ หรือสามารถทำความสะอาดเองได้ง่ายๆ
3. ตรวจเช็กสภาพยาง อย่างสม่ำเสมอ
ยางรถเป็นอะไรที่ต้องหมั่นดูแลเช่นกัน เนื่องจากเป็นส่งที่สัมผัสถนนอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอขงสภาพดอกยางและลมยาง สำหรับการเช็กลมยาง ซึ่ง ยางรถยนต์ มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักของตัวรถทั้งคัน ที่ถ้าหากไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการขับขี่ เนื่องจากลมยางและยางรถยนต์มีผลต่อสมรรถนะการขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการเบรก การควบคุม การประหยัดน้ำมัน การบังคับเลี้ยว ตลอดจนการสึกหรอและอายุการใช้งานของยางรถยนต์ที่จะเสื่อมสมรรถภาพเร็วกว่าปกติ
นอกจากจะหมั่นเช็กลมยาวแล้ว ควรทำการเปลี่ยนยางตามสภาพของยางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพในการเบรก การยึดเกาะถนนรวมถึงเสียงที่ดังขึ้นในระหว่างการขับขี่ เมื่อตรวจสอบยาง ก็อย่าลืมเช็กความลึกร่องดอกยาง และตรวจดูส่วนต่าง ๆ ของดอกยางเป็นประจำ จากประสบการณ์จริงของผู้ใช้รถหลายคน ผู้ใช้รถสามารถรักษามาตรฐานการขับ (เช่น การยึดเกาะบนถนนเปียก) เมื่อร่องดอกยางมีความลึกไม่น้อยกว่า 3 มิลลิเมตรและควรเปลี่ยนยางใหม่เมื่อดอกยางหมดหรือร่องดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 1.6 มิลลิเมตร ขณะตรวจสอบให้สังเกตว่ามีรอยเจาะ รอยแตกลายงา รอยนูนหรือยางบวมผิดปกติหรือไม่ ซึ่งวิธีการเช็กที่ดีที่สุดสำหรับขั้นตอนนี้ก็คือการใช้มือลูบอย่างระมัดระวังไปบนพื้นผิวของยาง เพื่อสัมผัสดูว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
หากคุณพบว่ามีบางอย่างผิดปกติและไม่แน่ใจ แนะนำให้ไปที่ร้านตัวแทนจำหน่ายของเราที่อยู่ใกล้บ้านคุณ ที่นั่นคุณจะได้พบกับช่างผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ซึ่งสามารถตรวจสอบยางให้คุณ พร้อมให้คำแนะนำในกรณีที่จะต้องได้รับการแก้ไข
4. ตรวจสอบของเหลวที่สำคัญ
การดูแลรักษารถอีกข้อที่สำคัญ คือการตรวจเช็กของเหลวต่างๆ นอกจากน้ำมันเครื่องที่ได้พูดถึงกก่อนหน้านี้ ก็จะมี ของเหลวๆอื่นๆอีกที่ต้องคอยหมั่นตรวจเช็ก การตรวจสอบของเหลวทั้งหมดในรถยนต์ ซึ่งเรียกได้ว่า ของเหลวแทบจะมีบทบาทในเกือบทุกด้านของการใช้งานรถยนต์ รวมไปถึงการประหยัดน้ำมัน และการยืดอายุการใช้งานให้นานยิ่งขึ้น การรักษาของเหลวในรถยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถใช้รถยนต์ได้นานยิ่งขึ้น ของเหลวที่สำคัญ ที่ต้องหมั่นตรวจสอบก็คือ น้ำมันเบรก น้ำมันเกียร์ น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ น้ำฉีดกระจกหน้ารถ และน้ำยาหล่อเย็น (ทั้งถังพักน้ำและหม้อน้ำ)
โดยปกติถังเก็บของเหลวต่าง ๆ จะมีขีดวัดระดับของเหลวตั้งแต่ต่ำสุด (Min) ไปถึงสูงสุด (Max) บางครั้งต้องเช็ดที่ขีดวัดระดับเล็กน้อย เพื่อให้เห็นขีดวัดระดับของเหลวที่ชัดเจน แต่ถ้ามองไม่ชัดหรืออ่านยาก แนะนำให้ใช้ไฟฉายส่องจากด้านตรงข้ามของถัง ก็จะช่วยให้เห็นชัดขึ้น
นอกจากนี้ก็ต้องลองสำรวจรอบๆ สภาพห้องเครื่องของรถตัวเองด้วยตาเปล่าอย่างสม่ำเสมอ อย่างเช่น สายไฟทุกเส้นอยู่ในสภาพที่ปกติ ไม่มีรอยแตกที่สายพาน ไม่มีคราบน้ำมันรั่วในแต่ละจุด หม้อน้ำไม่มีรอยรั่วซึม ไม่มีร่องรอยการกัดแทะของหนูหรือเจ้าแมวที่บางครั้งชอบเข้ามาแอบในห้องเครื่อง เพราะหากถ้าเจอคราบน้ำมันหรือจุดชำรุดต่างๆ ในห้องเครื่อง ก็สามารถซ่อมหรือนำรถเข้าอู่ได้ทัน ก่อนที่จะสร้างปัญหาในการใช้งานให้กับเราในอนาคต