เมื่อยามที่เรามองหารถมือสองคู่ใจสักคัน แต่ไม่แนใจว่ารถทีเรากำลังจะซื้อผ่านการชนหนักหรือเคยผ่านน้ำท่วมมาหรือเปล่า จะให้เพื่อนหรือคนรู้จักไปช่วยดูให้เขาจะดูได้ละเอียดตรงตามใจเราไหม หลายคนที่จะซื้อรถมือสองจึงเกิดคำถามในหัวเต็มไปหมด และยังกลัวโดนย้อมแมวบ้าง กลัวรถโดนยำมาบ้าง? วันนี้เรามีวิธีเช็กรถมือสองฉบับมืออาชีพด้วยตัวเองมานำเสนอ
– ตรวจดูสภาพสีของตัวรถ
การดูสีของรถมือสอง อาจจะต้องมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้าง เพราะว่าการดูสีหรือการดูแล็กเกอร์นั้น หากเป็นรถมือสองที่ไม่มีเคยมีการกลับสีหรือการทำสีมาใหม่ สีเดิมที่พ่นจากโรงงานจะพ่นโดยใช้เทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ในการพ่นจึงมีความสม่ำเสมอของผิวสีที่ดูเนียนตา ไม่มีการเยิ้ม ไม่มีสีหยดหรือเปลือกส้มนูนมากเกินไป และความเข้มสีและแล็กเกอร์ของรถมือสองคันนั้นจะต้องเท่ากันทั้งคัน ไม่เข้มเฉพาะจุดหรือชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดนี้สามารถดูด้วยตาเปล่า
การเคาะสัมผัส การเคาะฟังเสียง เพื่อเช็กว่ารถคันนี้ผ่านการโป๊วสีมาหรือไม่ ให้เราใช้มือเคาะเบาๆ เพื่อฟังเสียงหากรถที่ยังไม่ได้ทำสีนั้นเสียงจะโปร่งๆ หน่อย แต่ถ้ารถที่ผ่านการทำสีมาแล้วเวลาเคาะเสียงจะทึบๆ การเคาะมีเทคนิคอยู่ง่ายๆ สมมุติว่าเราเคาะประตูด้านซ้ายแล้วเสียงออกมาโปร่งแล้วเราก็ไปเคาะประตูด้านขวาในตำแหน่งเดียวกันเสียงออกมาทึบๆ แสดงว่าประตูด้านขวาได้มีการโป๊วมา? เอาง่ายๆว่าเวลาเคาะจุดฝั่งซ้ายแล้วก็ไปเคาะจุดนั้นฝั่งขวาด้วยจะได้เทียบเสียงกันไปเป็นคู่ๆ เลย (เสียงทึบมากหรือการโป๊วหน้าอาจเกิดมาจากการที่รถเกิดอุบัติเหตุมาหนักก็เป็นได้)
– การดูนอตที่ยึดทุกจุด
นอตเป็นอีกจุดสังเกตที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการดูรถมือสอง จุดนี้สามารถสังเกตได้อย่างง่าย ๆ นอตของรถมือสองที่ไม่เคยชนหรือไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเดิมแท้จากโรงงาน นอตจะต้องไม่มีรอยหมุนออกเพราะนั้นเป็นการยืนยันว่าชิ้นส่วนนี้ไม่มีการถูกถอดออกมาเพื่อซ่อมแซมหรือทำสี มั่นใจได้ว่ารถมือสองคันนี้ ทุกอย่าง อะไหล่ต่าง ๆ เป็นของเดิมแท้จากโรงงาน
– การดูรอยอาร์คจากโรงงาน
การเช็กเม็ดอาร์คจากโรงงานตามรอยตะเข็บของฝากระโปรง ถือเป็นอีกจุดที่สำคัญเป็นอย่างมากของการดูรถมือสอง หากไม่มีรอยพวกนี้อยู่ ให้สันนิษฐานไว้ได้เลยว่ารถคันนี้ได้มีการชนหนักมาอย่างแน่นอน เพราะได้มีการเปลี่ยนและดัดแปลงโครงสร้างรถมานั้นเอง
– สังเกตทรงของตัวรถ
การสังเกตทรงของตัวรถอาจะจอดรถไว้บนพื้นราบ จากนั้นใช้ตาเปล่าของเรานี้แหละ สังเกตว่า รถเอียงไปทางใดทางหนึ่งหรือไม่ หากรถเอียงไปทางใดทางหนึ่งสันนิษฐานได้เลยว่าเกิดจากความผิดปกติของช่วงล่างหรือตัวถังรถแน่นอน หรืออาจมีการชนหนักมาทำให้ต้องซ่อมแซมและทำให้ช่วงล่างไม่อยู่ในองศาเดิมตามที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดไว้ จึงทำให้รถเสียทรง เสียศูนย์ มีการเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง หรือด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังเป็นต้น ดังนั้นเมื่อเจอรถมือสองรูปแบบนี้ให้สงสัยไว้ก่อนได้เลยว่าเป็นรถที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงมาแน่นอน หากนำมาใช้งานจริงรถอาจขับขี่และควบคุมได้ยาก
– การเช็กเครื่องยนต์
เครื่องยนต์คือจุดสำคัญในการซื้อรถมือสอง การเช็กง่ายๆและใช้ได้จริง โดยการดูเกจ์วัดรอบเครื่องยนต์ มีการสวิงไปมาหรือไม่ มีเสียงผิดปกติดังมาจากเครื่องยนต์หรือไม่ และต้องลองสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ร้อน ดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมาสังเกตุว่ามีไอหรือควันพุ่งออกมาหรือไม่ ดูที่ปลายท่อไอเสียว่ามีควันไหลหรือเปล่าเพราะหากมีควันหรือคราบน้ำมันไหลออกมาก็สันนิษฐานได้เลยว่ารถคันนี้เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา
– ตรวจดูยางหุ้มในแต่ละส่วนของรถ
การตรวจนี้จะเป็นการดูยางหุ้มในแต่ละส่วนของรถมือสองอยู่ในสภาพดีแค่ไหน ทั้งขอบยางรอบประตูรถ ส่วนห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ ชิ้นส่วนวัสดุต่างๆ ภายในห้องโดยสารที่เป็นยางหรือพลาสติกว่าอยู่ในสภาพที่ยังใช้งานได้หรือไม่ รวมภึงภาพรวมภายในห้องโดยสารเช่นเบาะนั่งด้วย เพราะรถมือสองที่มีปีผลิตที่ลึก วัสดุบางชิ้นอาจมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา เช่น เบาะ เป็นต้น
– การดูเลขตัวถังของรถมือสอง
การดูเลขตัวถังของรถมือสองก็เป็นอีกจุดที่สำคัญ เป็นส่วนที่ต้องตรวจเช็กอย่างละเอียด ต้องดูว่าเลขเครื่องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ชัดเจน มีการแก้ไขหรือไม่ ในส่วนของเลขตัวถังจะต้องตรงกับเลขในเล่มทะเบียนรถ หากในส่วนนี้ไม่ตรงกัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่ารถมือสองคันนี้มีความไม่ชอบมาพากล อาจเป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา หรือตัดต่อ ดัดแปลงเครื่องมาอย่างผิดกฎหมายก็เป็นได้
– การดูเลขไมล์รถมือสอง
การใช้รถยนต์ทั่วไปจะมีระยะทางการใช้งานต่อปีอยู่ราวๆ 25,000 – 35,000 กิโลเมตร หากซื้อรถที่มีอายุ 5 ปี แต่เลขไมล์รถอยู่ที่ 50,000 กิโลเมตร ให้สันนิษฐานเบื้องต้นได้เลยว่ารถคันนี้อาจถูกกรอไมล์มาตบตา เพื่อให้ดูคล้ายกับรถที่ใช้งานน้อย ซึ่งหากต้องการทราบว่ามีการดัดแปลงไมล์มาหรือไม่ สามารถนำรถยนต์เข้าเช็กที่ศูนย์ของแต่ละแบรนด์ได้เลย ซึ่งรถบางคันอาจจะมีการใช้งานน้อยจริงๆ ตามไมล์ที่โชว์บนหน้าปัด ดังนั้นการนำเข้าศูนย์เป็นอีกวิธีที่เช็กเลขไมล์รถมือสองได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
– ทดลองขับจริง
หลังจากทำการตรวจสอบดูรถตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ให้ทำการทดลองขับจริง โดยให้ทำการทดสอบระบบเบรก ระบบไฟ การฟังเสียงเครื่องยนต์ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ มีการทดสอบระบบเกียร์ว่าสามารถเปลี่ยนได้ตามรอบหรือไม่ หากใส่เกียร์แล้วรถไม่เคลื่อนที่ หรือเข้าเกียร์ยาก เปลี่ยนเกียร์ไม่ได้ตามปกติ ขับแล้วตระตุก หรือมีเสียงหอนจากเกียร์ แสดงว่าเกียร์เริ่มหมดอายุการใช้งานแล้ว ซึ่งการขับขี่ควรทดสอบเรื่องศูนย์และทรงของรถโดยการให้รถวิ่งทางตรงโดยที่ใช้ความเร็วไม่สูงมาก และลองปล่อยพวงมาลัยสัก 2-3 วินาที ดูว่ารถมีการเอียงซ้ายหรือขวาหรือไม่ ในขณะที่ขับขี่ความรู้สึกของระบบช่วงล่างเมื่อขึ้นลูกระนาดหรือตกหลุม ระบบโช๊คจะต้องซับแรงกระแทกได้ดี และไม่มีอาการเด้งคืนตัวในทันที เพราะหากรถเด้งกระดอนในทันทีแสดงว่ารถมือสองคันนี้ช่วงล่างก็เริ่มมีปัญหา
และทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้เป็นวิธีตรวจเช็กสภาพรถมือสองเท่านั้น ยังไงแล้วการจะซื้อรถมือสองสักคันอาจจะต้องศึกษาและทำการบ้านเพิ่มอีกพอสมควร เพื่อที่จะได้ใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อ หรือหากไม่มั่นใจในการตรวจสอบของตัวเอง ทางที่ดีควรนำช่างผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์มือสองมาช่วยตรวจสอบและเช็กดูอย่างละเอียด
หากท่านกำลังมองหารถมือสองสภาพดี ไม่มีย้อมแมว ราคาบ๊านบ้าน ชูเกียรติ รถบ้าน ยินดีให้บริการ สามารถเข้าชมรถมือสองสวยๆ ได้ที่ ชูเกียรติรถบ้าน ราคาบ๊านบ้าน มาตรฐานป้ายแดง